โดยปกติในการทำเบอเกอรีมักจะใช้แป้งสาลีเป็นวัตถุดิบหลัก เนื่องจากแป้งชนิดนี้มีโปรตีนชื่อ กลูเตน ที่จับตัวกันอยู่และทำให้เกิดโครงสร้างที่เหมาะสมกับการทำเบอเกอรีนั่นเอง โดยแป้งสาลีที่นิยมใช้ทำเบเกอรี แบ่งออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ แป้งทำขนมปัง, แป้งอเนกประสงค์, และแป้งทำเค้ก คุณสมบัติของแป้งสาลีแต่ละประเภทมีลักษณะเป็นอย่างไรไปดูกันเลย
แป้งสาลีสำหรับทำขนมปัง (Bread Flour)
เป็นแป้งที่มีโปรตีนสูง มีกลูเตนมาก จึงมีความเหนียวมาก ทำให้ดูดซึมน้ำได้ดี เหมาะกับการทำขนมปังชนิดต่างๆ รวมถึงอาหารประเภท พิซซ่า ครัวซองต์ ปาท่องโก๋ หรือใช้ผสมในเค้กบางสูตรที่ต้องการให้ได้เนื้อเค้กแน่นๆ เช่น ฟรุตเค้ก, เค้กกล้วยหอม, หรือเค้กที่ผสมเมล็ดธัญพืชต่างๆ เป็นต้น
แป้งสาลีอเนกประสงค์ (All Purpose Flour)
แป้งอเนกประสงค์เป็นแป้งที่มีโปรตีนระดับกลางๆ สามารถนำมาทำขนมและอาหารได้หลากหลาย ส่วนใหญ่นำมาทำคุกกี้ บราวนี่ กะหรี่ปั๊บ พาย แพนเค้ก เส้นบะหมี่ หรือจะนำมาผสมในอาหารคาวทำเป็นพวกแป้งชุบทอดก็ได้
แป้งสาลีสำหรับทำเค้ก (Cake Flour)
เป็นแป้งที่มีโปรตีนต่ำสุดในบรรดาแป้งสาลีทั้งหมด เป็นแป้งที่มีคุณภาพสูง มีความเหนียวน้อย เนื้อแป้งขาวเนียน ละเอียด เบา นุ่มมือ เหมาะกับการทำเค้ก เพราะเนื้อขนมที่ได้จะมีลักษณะนุ่ม โปร่ง เบา เช่น ขนมสาลี ขนมปุยฝ้าย แยมโรล ขนมไข่ เป็นต้น
นอกจากแป้งสาลีที่นิยมนำมาทำเบอเกอรีแล้ว ยังมีแป้งทางเลือกอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งถือเป็นเทรนด์ใหม่ เรียกว่า “แป้งกลูเตนฟรี” เหมาะสำหรับกลุ่มคนรักสุขภาพที่นิยมบริโภควัตถุดิบที่ได้จากธรรมชาติล้วนๆ ไม่ใช้สารเคมี ไม่แต่งกลิ่น ไม่แต่งสี ซึ่งแป้งกลูเตนฟรีนี้สามารถนำมาใช้ทำเบเกอรีทดแทนแป้งสาลีได้เช่นเดียวกัน โดยที่รสชาติและเนื้อสัมผัสมีความใกล้เคียงกับแป้งสาลีเลย